ข้อผิดพลาด Netflix รหัส tvq-st-103

หากพบรหัสข้อผิดพลาด tvq-st-103 ซึ่งมักจะมีหนึ่งในข้อความต่อไปนี้รวมอยู่ด้วย

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Netflix ได้ โปรดลองอีกครั้งในภายหลังหรือไปที่ www.netflix.com/help

เกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับ Netflix ลองอีกครั้งในอีก [X] วินาที

โดยทั่วไปจะหมายถึงปัญหาของเครือข่ายที่ทำให้อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับบริการ Netflix ไม่ได้ โปรดทำตามขั้นตอนการแก้ปัญหาสำหรับอุปกรณ์ของคุณเพื่อแก้ไขปัญหา

  1. บนหน้าจอแสดงข้อผิดพลาด เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "โหลด Netflix อีกครั้ง"

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

วิธีถอนการติดตั้ง Netflix:

  1. หากใช้รีโมท Fire TV ให้กด Home (หน้าหลัก)

  2. ไปที่แอป Netflix จากนั้นกด Options (ตัวเลือก)

  3. เลือก Uninstall (ถอนการติดตั้ง)

  4. เลือก Uninstall (ถอนการติดตั้ง) อีกครั้งเพื่อยืนยัน

วิธีติดตั้ง Netflix อีกครั้ง:

  1. หากใช้รีโมท Fire TV ให้กดปุ่ม Netflix

  2. เลือก Download (ดาวน์โหลด) จากนั้นเลือก Open (เปิด)

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ปิดอุปกรณ์ของคุณ

    หมายเหตุ:หากไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์ปิดโดยสมบูรณ์หรือไม่ หรือหากไม่พบปุ่มเปิด/ปิด ให้ถอดปลั๊ก

  2. ปิดอุปกรณ์ไว้อย่างน้อย 30 วินาที

  3. เปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากมีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ คุณต้องเปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้น

การตั้งค่าเหล่านี้ได้แก่

  • การตั้งค่าโมเด็มที่กำหนดเอง

  • การตั้งค่า Virtual Private Network (VPN - เครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล) หรือบริการพร็อกซี

  • การตั้งค่า DNS ที่กำหนดเอง

หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการแก้ไขการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ของคุณ

เมื่อรีเซ็ตการตั้งค่าเหล่านี้แล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ปิดหรือถอดปลั๊กเครื่องเล่น Blu-ray

  2. ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที

  3. เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ

  4. เปิดเครื่องเล่น Blu-ray ขึ้นใหม่ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. บนหน้าจอแสดงข้อผิดพลาด เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "โหลด Netflix อีกครั้ง"

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

เครือข่ายสาธารณะ:

สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่

เครือข่ายส่วนตัว:

ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ

การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix


  1. จากเมนูหลักของ PS3 ให้ไปที่ "การตั้งค่า"

    • หากไม่ได้อยู่ที่หน้าจอหลัก ให้กดปุ่ม "PS3" ตรงกลางของอุปกรณ์ควบคุมค้างไว้ แล้วเลือก "ออก" จากนั้นเลือก "ใช่" เพื่อกลับสู่หน้าจอหลัก

  2. เลือก "การตั้งค่าเครือข่าย"

  3. เลือก Internet Connection (การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) และตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าไว้ที่ Enabled (เปิดใช้งาน) หากตั้งค่าไว้ที่ "ปิดใช้งาน” ให้เลือกเป็น "เปิดใช้งาน"

  4. เลือก "ทดสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต"

    • หากสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ให้ตรวจสอบการตั้งค่าวันที่และเวลา

    • หากไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต อาจมีปัญหาเกิดขึ้นกับการเชื่อมต่อเครือข่าย

  1. จากหน้าหลักของ PlayStation ให้เลือก PSN

  2. เลือก "การจัดการบัญชี" แล้วกดปุ่ม "สามเหลี่ยม"

  3. เลือก Sign Out (ออกจากระบบ) และยืนยันการเลือก

  4. จากหน้าหลักของ PlayStation เลือก PSN จากคอลัมน์ที่สองจากทางขวา

  5. เลือก "เข้าสู่ระบบ"

  6. ป้อนที่อยู่อีเมลและรหัสผ่านของ PlayStation Network (PSN)

    • หากลืมข้อมูลการเข้าสู่ระบบ PlayStation มีคำแนะนำสำหรับการรีเซ็ตรหัสผ่านของ PSN

    • คำแนะนำการเข้าสู่ระบบ PSN จะแจ้งให้คุณระบุ "ไอดีเข้าสู่ระบบ" (ที่อยู่อีเมล) และมีตัวเลือกให้คุณ "เข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ (Auto Sign-In)" การเลือกช่อง "เข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ" จะทำให้ไม่ต้องเข้าสู่ระบบ PlayStation Network ทุกครั้งที่เปิดใช้ Netflix

  7. เลือก "เข้าสู่ระบบ"

    • คุณอาจได้รับแจ้งให้ยอมรับข้อกำหนดการใช้งานของ PlayStation Network ก่อนเชื่อมต่อกับ PSN หากได้รับการแจ้ง ให้อ่านและยอมรับข้อกำหนดการใช้งาน

  8. เมื่อเชื่อมต่อกับ PSN สำเร็จแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การถอนการติดตั้งแอป Netflix

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ PS3 โดยกดปุ่ม PS > Quit (ออก) > Yes (ใช่)

  2. ไปที่ส่วน TV/Video Services (บริการทีวี/วิดีโอ) และไฮไลท์ที่ Netflix

  3. กดปุ่มสามเหลี่ยม

  4. เลือก Delete (ลบ)

  5. เลือก Yes (ใช่)

การติดตั้งแอป Netflix ใหม่อีกครั้ง

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ PS3 โดยกดปุ่ม PS > Quit (ออก) > Yes (ใช่)

  2. ไปที่หัวข้อ TV/Video Services (บริการทีวี/วิดีโอ) และเลือก Netflix

  3. เลือก Yes (ใช่) เพื่อดาวน์โหลด

  1. บนหน้าจอแสดงข้อผิดพลาด เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "โหลด Netflix อีกครั้ง"

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. เริ่มต้นจากหน้าจอหลักของ PS4

    • หากไม่ได้อยู่ที่หน้าจอหลัก ให้กดปุ่ม PS ตรงกลางของอุปกรณ์ควบคุมค้างไว้ แล้วเลือก "ปิดแอปพลิเคชัน" จากนั้นเลือก "ตกลง"

  2. เข้าไปที่หัวข้อ "ทีวีและวิดีโอ" และไฮไลท์ที่ Netflix

  3. กดปุ่ม "ตัวเลือก" บนอุปกรณ์ควบคุม

  4. เลือก "ลบ"

  5. เลือก"ตกลง"

    หมายเหตุ:การลบแอป Netflix ไม่ได้เป็นการลบไอคอน Netflix ออกจากหน้าจอหลักของ PS4

  6. เลือกไอคอน "Netflix" ร้านค้าของ PlayStation จะแสดงขึ้นมา

  7. เลือกไอคอน "ดาวน์โหลด"

  8. เมื่อดาวน์โหลด Netflix เรียบร้อยแล้ว ให้เลือก "เริ่มต้น"

  9. ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Netflix ของคุณ แล้วลองสตรีมอีกครั้ง

    • ระบบอาจร้องขอให้คุณลงชื่อเข้าสู่ระบบในบัญชี PlayStation Network (PSN) ของคุณก่อน

Resetting modem and device, 30-sec timer, cable unplugged.

  1. ปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วถอดปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์

  2. เมื่อผ่านไป 30 วินาที ให้เสียบปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์

  3. รอ 1 นาที จากนั้นจึงเปิดอุปกรณ์

  4. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หมายเหตุ: อุปกรณ์ โมเด็ม และเราเตอร์บางรุ่นอาจใช้เวลานานกว่าในการกลับมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. บนหน้าจอแสดงข้อผิดพลาด เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "โหลด Netflix อีกครั้ง"

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากมีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ คุณต้องเปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้น

การตั้งค่าเหล่านี้ได้แก่

  • การตั้งค่าโมเด็มที่กำหนดเอง

  • การตั้งค่า Virtual Private Network (VPN - เครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล) หรือบริการพร็อกซี

  • การตั้งค่า DNS ที่กำหนดเอง

หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการแก้ไขการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ของคุณ

เมื่อรีเซ็ตการตั้งค่าเหล่านี้แล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ปิดหรือถอดปลั๊กสมาร์ททีวี

  2. ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที

  3. เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ

  4. เปิดสมาร์ททีวีขึ้นใหม่ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

  1. ปิดอุปกรณ์ของคุณ ถอดปลั๊ก หากอุปกรณ์ที่ใช้มีสายไฟ

  2. ตรวจสอบว่าได้ปิดอุปกรณ์โดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ได้อยู่ในโหมดสลีปหรือสแตนด์บาย

  3. ปิดอุปกรณ์ไว้ 15 วินาที

  4. เปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

วิธีลบแอป Netflix

  1. กดปุ่ม Home (หน้าหลัก) บนรีโมท Roku

  2. ในรายชื่อแอปทางด้านขวา ให้เลื่อนลงไปเพื่อค้นหาแอป Netflix

  3. กดปุ่มดาว บนรีโมท Roku

  4. เลือก Remove app (ลบแอป) > Remove (ลบ)

วิธีเพิ่มแอป Netflix

  1. กดปุ่ม Netflix บนรีโมท Roku

  2. เลือก Add channel (เพิ่มช่อง) > OK (ตกลง) > Go to channel (ไปที่ช่อง)

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ปิดหรือถอดปลั๊กเครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิงของคุณ

  2. ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที

  3. เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ

  4. เปิดเครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิงขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Tablet and modem show succesful Wi-Fi connection

เพื่อให้รับสัญญาณได้ดีขึ้น คุณสามารถดำเนินการได้ดังนี้

  • ย้ายเราเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้งานให้อยู่ใกล้กันมากขึ้น หากเป็นไปได้ ให้อยู่ในห้องเดียวกัน

  • ย้ายเราเตอร์ให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ไร้สายและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

  • วางเราเตอร์ให้อยู่สูงจากพื้นในพื้นที่เปิดโล่ง เราเตอร์จะรับสัญญาณได้ดีขึ้นเมื่ออยู่บนโต๊ะหรือชั้นหนังสือ

หากมีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ คุณต้องเปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้น

การตั้งค่าเหล่านี้ได้แก่

  • การตั้งค่าโมเด็มที่กำหนดเอง

  • การตั้งค่า Virtual Private Network (VPN - เครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล) หรือบริการพร็อกซี

  • การตั้งค่า DNS ที่กำหนดเอง

หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการแก้ไขการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ของคุณ

เมื่อรีเซ็ตการตั้งค่าเหล่านี้แล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. บนหน้าจอแสดงข้อผิดพลาด เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "โหลด Netflix อีกครั้ง"

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

เครือข่ายสาธารณะ:

สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่

เครือข่ายส่วนตัว:

ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ

การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix


  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

  1. กดปุ่ม "นำทาง" บนอุปกรณ์ควบคุมของคุณ

  2. ไปที่ Settings (การตั้งค่า) แล้วเลือก System Settings (การตั้งค่าระบบ)

  3. เลือก Network Settings (การตั้งค่าเครือข่าย)

  4. เลือกเครือข่ายที่ใช้งาน แล้วเลือก Configure Network (กำหนดค่าเครือข่าย)

  5. เลือก DNS Settings (การตั้งค่า DNS) แล้วเลือก Automatic (อัตโนมัติ)

  6. ปิด Xbox แล้วเปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

  7. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

เครือข่ายสาธารณะ:

สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่

เครือข่ายส่วนตัว:

ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ

การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix


  1. ปิดหรือถอดปลั๊กคอนโซลเครื่องเล่นวิดีโอเกม

  2. ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที

  3. เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ

  4. เปิดคอนโซลเกมขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Tablet and modem show succesful Wi-Fi connection

เพื่อให้รับสัญญาณได้ดีขึ้น คุณสามารถดำเนินการได้ดังนี้

  • ย้ายเราเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้งานให้อยู่ใกล้กันมากขึ้น หากเป็นไปได้ ให้อยู่ในห้องเดียวกัน

  • ย้ายเราเตอร์ให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ไร้สายและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

  • วางเราเตอร์ให้อยู่สูงจากพื้นในพื้นที่เปิดโล่ง เราเตอร์จะรับสัญญาณได้ดีขึ้นเมื่ออยู่บนโต๊ะหรือชั้นหนังสือ

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง