Netflix แจ้งว่า "ขณะนี้มีปัญหาในการเล่นเนื้อหานี้"

ขณะนี้มีปัญหาในการเล่นเนื้อหานี้

ข้อผิดพลาดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับเครือข่ายทำให้อุปกรณ์เชื่อมต่อ Netflix ไม่ได้ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่พยายามรับชม

หากได้รับข้อความข้อผิดพลาดหรือรหัสข้อผิดพลาดอื่น หรือข้อความข้อผิดพลาดตามด้วยรหัสข้อผิดพลาด ให้ค้นหา "ศูนย์ช่วยเหลือ" สำหรับข้อความข้อผิดพลาดหรือรหัสข้อผิดพลาดที่คุณได้รับ (เช่น "ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Netflix ได้" หรือ "ui-1234")

โปรดทำตามขั้นตอนสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อแก้ไขปัญหา

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

  1. ปิดอุปกรณ์ของคุณ ถอดปลั๊ก หากอุปกรณ์ที่ใช้มีสายไฟ

  2. ตรวจสอบว่าได้ปิดอุปกรณ์โดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ได้อยู่ในโหมดสลีปหรือสแตนด์บาย

  3. ปิดอุปกรณ์ไว้ 15 วินาที

  4. เปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การถอนการติดตั้ง Netflix

  1. ไปที่แดชบอร์ดของ Xbox 360 แล้วไปที่ Apps (แอป)

  2. เลือก My Apps (แอปของฉัน) แล้วไฮไลต์แอป Netflix

  3. กดปุ่ม X แล้วเลือก Delete (ลบ) > Yes (ใช่)

การติดตั้ง Netflix ใหม่อีกครั้ง

  1. ในแดชบอร์ดของ Xbox 360 ให้ไปที่ Apps (แอป)

  2. เลือก Netflix เพื่อดาวน์โหลดแอป

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. กดปุ่ม "นำทาง" บนอุปกรณ์ควบคุมของคุณ

  2. เลือก "การตั้งค่า"

  3. เลือก "การตั้งค่าระบบ"

  4. เลือก "การจัดเก็บข้อมูล"

  5. ไฮไลท์เลือก “หน่วยความจำ”, "ฮาร์ดไดรฟ์", หรือ “อุปกรณ์ยูเอสบีสำหรับเก็บข้อมูล” แล้วกดปุ่ม Y บนอุปกรณ์ควบคุม

  6. เลือก "ล้างหน่วยความจำแคชของระบบ"

    • หากคุณไม่เห็นข้อความ "ล้างหน่วยความจำแคชของระบบ" โปรดตรวจสอบอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูล

  7. เมื่อได้รับการแจ้งเตือนให้ยืนยันการบำรุงรักษาอุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บข้อมูล ให้เลือก "ใช่"

  8. หลังจากสามารถล้างหน่วยความจำแคชของระบบเรียบร้อยแล้ว ลองเข้าใช้งาน Netflix อีกครั้ง

  1. จากแดชบอร์ดของ Xbox ให้เลือก Settings (การตั้งค่า) แล้วตามด้วย System (ระบบ)

  2. เลือก "การจัดเก็บข้อมูล"

  3. เลือก "อุปกรณ์ทั้งหมด" ถ้ามี หรือเลือกอุปกรณ์แรกที่ระบุไว้ ซึ่งอาจเป็น "หน่วยความจำ""ที่เก็บข้อมูล USB" หรือ "ฮาร์ดไดรฟ์"

    หมายเหตุ:หากมีหลายอุปกรณ์ ให้ทำซ้ำขั้นตอนต่อไปนี้สำหรับอุปกรณ์แต่ละเครื่อง

  4. เลือก "เกมและแอป"

  5. เลือก Netflix

  6. เลือก "เกมที่บันทึกไว้ของ Netflix"

  7. เลือก "ลบ"

  8. เลือก "ใช่" เพื่อยืนยัน

  9. หากเห็น "เกม Netflix Xbox 360" ให้เลือกตัวเลือกดังกล่าว จากนั้นเลือก "ลบและยืนยัน"

  10. หากเห็น "การอัปเดตเนื้อหาของ Netflix" ให้เลือกตัวเลือกดังกล่าว จากนั้นเลือก "ลบและยืนยัน"

  11. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

  1. กดค้างปุ่มพาวเวอร์เปิดปิดเครื่องที่อยู่ด้านหน้าของคอนโซลจนกว่าเครื่องจะปิดลงอย่างสมบูรณ์

  2. ถอดสายไฟออกจากด้านหลังของคอนโซลเพื่อตัดการเชื่อมต่อแหล่งจ่ายไฟจากคอนโซล

  3. กดปุ่มพาวเวอร์เปิดปิดเครื่องบนคอนโซลห้าครั้ง วิธีนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่าไฟฟ้าที่ยังอยู่ในแบตเตอรี่จะคลายประจุจนหมด โดยจะล้างแคชในคอนโซล

  4. เสียบปลั๊กสายไฟกลับเข้าที่คอนโซล

  5. เปิดคอนโซลโดยใช้ปุ่มพาวเวอร์เปิดปิด

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

อาจมีปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้กับทีวี

วิธีแก้ไขปัญหา

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้สาย HDMI

  2. ให้ลองสลับปลายสาย HDMI

  3. เลี่ยงไม่เชื่อมผ่านตัวรับสัญญาณหรือระบบเสียง โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับทีวีโดยตรงโดยใช้สาย HDMI

  4. ลองเชื่อมต่อกับพอร์ต HDMI ของทีวีพอร์ตอื่น

  5. ลองใช้สายเคเบิล HDMI ใหม่

  6. ถ้ามี ให้ลองพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องอื่น

    • หากสามารถสตรีมได้ในทีวีเครื่องอื่น แสดงว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องเดิม โปรดติดต่อผู้ผลิตทีวีเพื่อขอความช่วยเหลือ

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง