Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) ใน Netflix

Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) ของ Netflix มีให้บริการในแพ็คเกจพรีเมียม ซึ่งจะเพิ่มคุณภาพเสียงโดยไม่ต้องมีลำโพงระบบเสียงรอบทิศทาง หรืออุปกรณ์โฮมเธียเตอร์ และใช้งานได้ในทุกอุปกรณ์ที่รองรับ Netflix

สามารถดูทีวีซีรีส์และภาพยนตร์ที่มี Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) ในอุปกรณ์ได้ โดยค้นหา "Spatial Audio หรือระบบเสียงเสริมมิติ" ในแอป Netflix เนื้อหาที่รับชมด้วยระบบเสียงเสริมมิติได้ จะมีป้าย Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) กำกับอยู่ข้างคำอธิบาย

รายการทีวีและภาพยนตร์ที่รองรับ Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) จะเล่นเนื้อหาโดยใช้ระบบเสียงเสริมมิติที่เปิดอยู่โดยอัตโนมัติ

จะต้องมีสิ่งต่อไปนี้

หมายเหตุ: ทีวีหรือซาวด์บาร์ที่ใช้ระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 หรือ Dolby Atmos จะเล่นเนื้อหาโดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าวแทน Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) ในทีวีหรืออุปกรณ์บางรุ่น คุณอาจต้องเปลี่ยนการตั้งค่าเอาต์พุตเสียงจาก 5.1 เป็นสเตอริโอ เพื่อเล่นเนื้อหาโดยใช้ Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ผลิตอุปกรณ์หรืออุปกรณ์เสียง

คุณต้องมีแพ็คเกจพรีเมียมของ Netflix อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกันได้ รวมทั้งอุปกรณ์สวมศีรษะ หรือหูฟังที่รองรับการใช้งาน

เลือกตัวเลือกจากรายการอุปกรณ์ที่รองรับ และขั้นตอนในการเปิดระบบติดตามศีรษะดังต่อไปนี้

โทรศัพท์และหูฟัง Samsung ที่รองรับ Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) ของ Netflix มีดังนี้

  • Samsung Galaxy S23

  • Galaxy Buds Pro

  • Galaxy Buds2

  • Galaxy Buds2 Pro

วิธีเปิดระบบติดตามศีรษะ ให้ทำดังนี้

  1. เชื่อมต่อหูฟังกับโทรศัพท์ที่ใช้งาน

  2. เปิดแอป Galaxy Wearable

  3. แตะ Earbud Settings (การตั้งค่าหูฟัง) > Advanced (ขั้นสูง) สำหรับ Buds2 Pro ให้แตะ 360 audio (ระบบเสียง 360 องศา)

  4. แตะสวิตช์เพื่อเปิด 360 audio (ระบบเสียง 360 องศา)

  5. แตะสวิตช์ เพื่อเปิดระบบติดตามศีรษะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีเปลี่ยนแพ็คเกจ

การประกาศเกี่ยวกับ Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) ของ Netflix พร้อมวิดีโอสาธิต

บทความที่เกี่ยวข้อง