ข้อผิดพลาด Netflix รหัส tvq-st-107

หากพบรหัสข้อผิดพลาด tvq-st-107 ซึ่งมักจะมีข้อความต่อไปนี้รวมอยู่ด้วย:

เกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับ Netflix

โดยทั่วไปรหัสนี้จะชี้ถึงปัญหาในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ขัดขวางไม่ให้อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับบริการ Netflix โปรดทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาสำหรับอุปกรณ์ของคุณด้านล่างเพื่อแก้ไขปัญหา

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากวันที่และเวลาที่แสดงในอุปกรณ์ไม่ถูกต้อง:

  1. ไปที่การตั้งค่าวันที่และเวลาในอุปกรณ์

    หมายเหตุ:หากต้องการความช่วยเหลือในการค้นหาการตั้งค่าวันที่และเวลาในอุปกรณ์ โปรดตรวจสอบคู่มือสำหรับเจ้าของหรือติดต่อผู้ผลิต

  2. หากอุปกรณ์มีตัวเลือกอัตโนมัติ ให้เปิดตัวเลือกนี้หรืออัปเดตการตั้งค่าเป็นวันที่และเวลาปัจจุบัน

หากวันที่และเวลาในอุปกรณ์ถูกต้องแล้ว ให้ดำเนินการขั้นตอนถัดไป

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

เครือข่ายสาธารณะ:

สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่

เครือข่ายส่วนตัว:

ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ

การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix


คุณสามารถทดสอบการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ได้โดยลองใช้แอปอื่นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต บางอุปกรณ์สามารถทดสอบเครือข่ายได้ในการตั้งค่า

หากแอปอื่นๆ ใช้ไม่ได้ หรือได้รับข้อผิดพลาดของเครือข่าย โดยทั่วไปหมายความว่าอุปกรณ์ของคุณไม่ได้เชื่อมต่อ

หมายเหตุ:เนื่องจากขั้นตอนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือการแก้ไขปัญหาเครือข่ายจะแตกต่างกันไปในแต่ละอุปกรณ์ ฝ่ายบริการลูกค้าของ Netflix จึงไม่สามารถช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไปนี้สำหรับอุปกรณ์ของคุณได้

หากต้องการดูขั้นตอนการเชื่อมต่อสำหรับอุปกรณ์ของคุณ

  • ตรวจสอบคำแนะนำหรือคู่มือที่มาพร้อมกับอุปกรณ์

  • ติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอรับความช่วยเหลือในการเชื่อมต่ออุปกรณ์กับอินเทอร์เน็ต

หากอุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่ออยู่ และยังพบปัญหานี้ ให้ดำเนินการขั้นตอนถัดไป

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. จากหน้าจอหลัก ให้เลือก Settings (การตั้งค่า)

  2. เลือก Network Settings (การตั้งค่าเครือข่าย) > Internet Connection Settings (การตั้งค่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) > OK (ตกลง)

  3. เลือก Custom (กำหนดเอง)

  4. เลือกประเภทการเชื่อมต่อที่ใช้ ดังนี้

    • สำหรับ Wireless (ไร้สาย) ให้เลือกตัวเลือกต่อไปนี้

      • ในหัวข้อ WLAN ให้เลือกคำสั่ง Enter Manually (ป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง)

      • เลือก IP Address Setting (การตั้งค่าที่อยู่ IP)

    • สำหรับ Wired Connection (การเชื่อมต่อแบบใช้สาย) ให้เลือก Auto-Detect (ตรวจหาอัตโนมัติ) สำหรับ Operation mode (โหมดปฏิบัติงาน)

  5. เมื่อเข้าสู่การตั้งค่าในขั้นตอนถัดไป ให้เลือกตัวเลือกเหล่านี้

    • IP Address Setting (การตั้งค่าที่อยู่ IP) > Automatic (อัตโนมัติ)

    • DHCP Host (โฮสต์ DHCP) > Do Not Set (ไม่ตั้งค่า)

    • DNS Setting (การตั้งค่า DNS) > Automatic (อัตโนมัติ)

    • Proxy Server (เซิร์ฟเวอร์พร็อกซี) > Do Not Use (ไม่ใช้)

    • MTU > Automatic (อัตโนมัติ)

    • UPnP > Enable (เปิดใช้)

  6. กดปุ่ม X เพื่อบันทึกการตั้งค่า

  7. เลือก Test Connection (ทดสอบการเชื่อมต่อ)

  8. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ปิดหรือถอดปลั๊กคอนโซลเครื่องเล่นวิดีโอเกม

  2. ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที

  3. เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ

  4. เปิดคอนโซลเกมขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

วิธีปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi

  • ย้ายเราเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้งานให้อยู่ใกล้กันมากขึ้น หากเป็นไปได้ ให้อยู่ในห้องเดียวกัน

  • ย้ายเราเตอร์ให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ไร้สายและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

  • วางเราเตอร์ให้อยู่สูงจากพื้นในพื้นที่เปิดโล่ง เราเตอร์จะรับสัญญาณได้ดีขึ้นเมื่ออยู่บนโต๊ะหรือชั้นหนังสือ

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

เครือข่ายสาธารณะ:

สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่

เครือข่ายส่วนตัว:

ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ

การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix


  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. เริ่มต้นจากหน้าจอหลักของ PS4

    • หากไม่ได้อยู่ที่หน้าจอหลัก ให้กดปุ่ม PS ตรงกลางของอุปกรณ์ควบคุมค้างไว้ แล้วเลือก "ปิดแอปพลิเคชัน" จากนั้นเลือก "ตกลง" เพื่อกลับสู่หน้าจอหลัก

  2. กด “ขึ้น” บน D-pad

  3. เลือก "การตั้งค่า"

  4. เลือก "เครือข่าย"

  5. เลือก "ทดสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต"

  1. ปิดหรือถอดปลั๊กคอนโซลเครื่องเล่นวิดีโอเกม

  2. ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที

  3. เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ

  4. เปิดคอนโซลเกมขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. ถอดปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์

  3. รอ 30 วินาที

  4. เสียบปลั๊กโมเด็ม

  5. รอ 1 นาที

  6. เสียบปลั๊กเราเตอร์

  7. รอ 1 นาที

  8. เสียบปลั๊กอุปกรณ์

  9. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

โมเด็มและเราเตอร์บางรุ่นอาจใช้เวลาในการกลับมาเชื่อมต่อใหม่นานกว่า

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. ปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วถอดปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์

  2. เมื่อผ่านไป 30 วินาที ให้เสียบปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์

  3. รอ 1 นาที จากนั้นจึงเปิดอุปกรณ์

  4. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หมายเหตุ:อุปกรณ์ โมเด็ม และเราเตอร์บางรุ่นอาจใช้เวลานานกว่าในการกลับมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง

  1. ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือ Wi-Fi เดียวกับอุปกรณ์ที่มีปัญหา

  2. เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วไปที่ netflix.com/clearcookies

  3. คลิก "เข้าสู่ระบบ" จากด้านขวาบน

  4. เข้าสู่ระบบบัญชี Netflix ของคุณ

    • หากได้รับข้อผิดพลาด NSEZ-403 หมายความว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับ Netflix ได้ในขณะนี้ ลองใหม่ภายหลัง

    • หากไม่ได้รับข้อผิดพลาด ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากวันที่และเวลาที่แสดงในอุปกรณ์ไม่ถูกต้อง:

  1. ไปที่การตั้งค่าวันที่และเวลาในอุปกรณ์

    หมายเหตุ:หากต้องการความช่วยเหลือในการค้นหาการตั้งค่าวันที่และเวลาในอุปกรณ์ โปรดตรวจสอบคู่มือสำหรับเจ้าของหรือติดต่อผู้ผลิต

  2. หากอุปกรณ์มีตัวเลือกอัตโนมัติ ให้เปิดตัวเลือกนี้หรืออัปเดตการตั้งค่าเป็นวันที่และเวลาปัจจุบัน

หากวันที่และเวลาในอุปกรณ์ถูกต้องแล้ว ให้ดำเนินการขั้นตอนถัดไป

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

เครือข่ายสาธารณะ:

สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่

เครือข่ายส่วนตัว:

ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ

การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix


  1. กดปุ่ม Xbox บนอุปกรณ์ควบคุม Xbox เพื่อเปิด Guide (หน้าแนะนำ)

  2. จากเมนู Profile & system (โปรไฟล์และระบบ) ให้เลือก Settings (การตั้งค่า)

  3. เลือก General (ทั่วไป) > Network settings (การตั้งค่าเครือข่าย) > Test network connection (การทดสอบการเชื่อมต่อเครือข่าย)

    • หากการทดสอบล้มเหลว ให้ไปที่หน้าการสนับสนุนเครือข่าย Xbox สำหรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับข้อความข้อผิดพลาดที่ปรากฏ

    • หากการทดสอบแสดงว่าอุปกรณ์เชื่อมต่อแล้ว ให้ดำเนินการต่อด้านล่าง

  1. กดปุ่ม Xbox เพื่อเปิด Guide (หน้าแนะนำ)

  2. ในเมนู Profile & system (โปรไฟล์และระบบ) ให้เลือก Settings (การตั้งค่า)

  3. เลือก General (ทั่วไป) > Network Settings (การตั้งค่าเครือข่าย) > Advanced Settings (การตั้งค่าขั้นสูง) > DNS Settings (การตั้งค่า DNS)

  4. เลือก "อัตโนมัติ"

  5. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ปิดหรือถอดปลั๊กคอนโซลเครื่องเล่นวิดีโอเกม

  2. ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที

  3. เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ

  4. เปิดคอนโซลเกมขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้

  • ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ

  • แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง

  • รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ

ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน

  • อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง

ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้

  • ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง

  • ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง