Netflix ขอให้เข้าสู่ระบบทุกครั้งที่เปิดใช้งาน

หากอุปกรณ์ขอให้คุณเข้าสู่ระบบทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับ Netflix อาจมีปัญหาทางด้านเทคนิคที่ทำให้อุปกรณ์ไม่สามารถรักษาการเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องได้

หมายเหตุ:
หากเข้าสู่ระบบไม่ได้เลย ให้ทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาเหล่านี้แทน

โปรดทำตามขั้นตอนสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อแก้ไขปัญหา

ทีวีและเครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิง

สมาร์ททีวี

การทำขั้นตอนเหล่านี้อาจลบแอป ข้อมูล หรือการตั้งค่าที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ ก่อนดำเนินการต่อ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า ทราบชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi รวมทั้งข้อมูลเข้าสู่ระบบ Netflix แล้ว

สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งาน

เมื่อพูดคุยกับทางผู้ผลิต ให้ขอความช่วยเหลือสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ หลังจากทำแต่ละขั้นตอนแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าแก้ไขปัญหาได้หรือยัง

  1. อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

  2. คืนค่าอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เหมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก

หากผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ หรือขั้นตอนเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นในการรับชม Netflix

Fire TV Stick

การตรวจสอบปีของรุ่นอุปกรณ์

  1. ไปที่หน้า "กิจกรรมการสตรีมล่าสุดผ่านอุปกรณ์" ในบัญชีของคุณ

  2. ค้นหา Fire TV Stick ในรายการ ปีของรุ่นจะแสดงถัดจากชื่ออุปกรณ์ที่ใช้งาน

หากปีของรุ่นอุปกรณ์คือ 2014 ระบบอาจขอให้คุณเข้าสู่ระบบบ่อยครั้งกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับรุ่นปี 2014

หากรุ่นอุปกรณ์ใหม่กว่าปี 2014 ให้ดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป

การตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์

  1. หากใช้รีโมท Fire TV ให้กด Home (หน้าหลัก) ปุ่ม Home (หน้าหลัก)

  2. เลือก Settings (การตั้งค่า) เมนู Setting (การตั้งค่า) > My Fire TV > About (เกี่ยวกับ)

  3. เลือก Check for system update (ตรวจสอบเพื่ออัปเดตระบบ) หรือ Install System Update (ติดตั้งการอัปเดตระบบ)

    หมายเหตุ:
    อาจต้องมีการติดตั้งการอัปเดตหลายตัวเพื่ออัปเดตให้เป็นเฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุด
  4. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Apple TV 2/3

การออกจากระบบ Apple ID

  1. จากหน้าจอหลัก ให้เลือก "การตั้งค่า"

  2. เลือก iTunes Store

  3. เลือก Apple ID

  4. เลือก "ออกจากระบบ Apple ID"

  5. เมื่อออกจากระบบแล้ว ให้ออกจากหน้าจอหลักและเปิดใช้ "การตั้งค่า" อีกครั้ง

  6. เลือก iTunes Store

  7. เลือก "เข้าสู่ระบบ"

  8. ป้อน Apple ID และรหัสผ่าน แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

อัปเดต Apple TV

  1. ไปที่หน้าจอหลัก แล้วเลือก Settings (การตั้งค่า)

  2. เลือก System (ระบบ) > Software Updates (การอัปเดตซอฟต์แวร์) > Update Software (อัปเดตซอฟต์แวร์)

  3. หากมีอัปเดต ให้เลือกDownload and Install (ดาวน์โหลดและติดตั้ง) หากไม่เห็นตัวเลือกนี้ แสดงว่าอุปกรณ์ใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดแล้ว

  4. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หมายเหตุ:
ขั้นตอนเหล่านี้อาจแตกต่างไปจากรุ่น Apple TV ที่คุณใช้งาน ไปที่เว็บไซต์สนับสนุนของ Apple เพื่อดูขั้นตอนในการอัปเดตซอฟต์แวร์ Apple TV

เครื่องเล่น Blu-ray

การทำขั้นตอนเหล่านี้อาจลบแอป ข้อมูล หรือการตั้งค่าที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ ก่อนดำเนินการต่อ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า ทราบชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi รวมทั้งข้อมูลเข้าสู่ระบบ Netflix แล้ว

สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งาน

เมื่อพูดคุยกับทางผู้ผลิต ให้ขอความช่วยเหลือสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ หลังจากทำแต่ละขั้นตอนแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าแก้ไขปัญหาได้หรือยัง

  1. อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

  2. คืนค่าอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เหมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก

หากผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ หรือขั้นตอนเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นในการรับชม Netflix

โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต

โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android

การออกจากระบบของ Netflix

  1. เปิดแอป Netflix

  2. แตะ Netflix ของฉัน ที่ด้านขวาล่าง

  3. แตะ เมนู ที่ด้านขวาบน

  4. แตะ ออกจากระะบบ ตามด้วย ออกจากระบบ เพื่อยืนยัน

  5. กลับเข้าสู่ระบบ Netflix แล้วลองอีกครั้ง

อัปเดตเวอร์ชันระบบปฏิบัติการของ Android ที่ใช้งาน

  1. เปิดแอป "การตั้งค่า"

  2. แตะ "ระบบ" > "การอัปเดตระบบ"

  3. ตรวจสอบการอัปเดตที่มีให้บริการ แล้วติดตั้ง

  4. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

iPhone หรือ iPad

การออกจากระบบของ Netflix

  1. เปิดแอป Netflix

  2. แตะ Netflix ของฉัน ที่ด้านขวาล่าง

  3. แตะ เมนู ไอคอนเพิ่มเติม ที่ด้านขวาบน

  4. แตะ ออกจากระบบ ไอคอนออกจากระบบ ตามด้วย ออกจากระบบ เพื่อยืนยัน

  5. กลับเข้าสู่ระบบ Netflix แล้วลองอีกครั้ง

การอัปเดตเวอร์ชัน iOS

ทำตามขั้นตอนของ Apple เพื่ออัปเดตอุปกรณ์ของคุณเป็นเวอร์ชันล่าสุด จากนั้นลองใช้ Netflix อีกครั้ง

คอมพิวเตอร์

Windows

การตรวจสอบการตั้งค่าคุกกี้ของเบราว์เซอร์

ทำตามขั้นตอนสำหรับเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ด้านล่าง

Chrome

  1. คลิกเมนู Chrome จากแถบเครื่องมือของเบราว์เซอร์

  2. คลิก "การตั้งค่า"

  3. คลิก "ข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัย" จากเมนูด้านซ้าย

  4. คลิก "คุกกี้และข้อมูลไซต์"

  5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่า "ล้างคุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์เมื่อปิด Chrome" ปิดอยู่

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Firefox

  1. คลิก "เมนู" จากมุมขวาบนของเบราว์เซอร์

  2. คลิก "ค่ากำหนด"

  3. คลิก "ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย" จากเมนูด้านซ้าย

  4. ในส่วน "ประวัติ" ให้ค้นหาเมนูแบบหล่นลง "Firefox จะ" แล้วเลือก "จดจำประวัติ"

  5. คลิก "เริ่มการทำงาน Firefox ใหม่"

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Internet Explorer (เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป)

  1. คลิก "เครื่องมือ" จากมุมขวาบนของเบราว์เซอร์

  2. คลิก "ตัวเลือกอินเทอร์เน็ต"

  3. ในส่วน "ประวัติการเรียกดู" ให้นำเครื่องหมายออกจาก "ลบประวัติการเรียกดูเมื่อจบการทำงาน"

  4. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Microsoft Edge

  1. คลิกปุ่ม "เพิ่มเติม" ... จากมุมขวาบนของเบราว์เซอร์

  2. คลิก "การตั้งค่า"

  3. คลิก "ความเป็นส่วนตัวและบริการ" จากเมนูทางด้านซ้าย

  4. ในส่วนหัวข้อ "ล้างข้อมูลการเรียกดู" ให้คลิก "เลือกสิ่งที่ต้องการล้าง"

  5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า "คุกกี้และข้อมูลไซต์อื่นๆ" ปิดอยู่

    หมายเหตุ:
    หากต้องการเปิดการตั้งค่านี้ไว้ คุณต้องเพิ่ม netflix.com ไปยังรายการ "ไม่ล้าง"
  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Opera

  1. คลิกปุ่ม Opera จากมุมซ้ายบน

  2. คลิก "การตั้งค่า"

  3. คลิก "ข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัย" จากเมนูด้านซ้าย

  4. คลิก "การตั้งค่าไซต์"

  5. คลิก "คุกกี้และข้อมูลไซต์"

  6. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่า "ล้างคุกกี้และข้อมูลไซต์เมื่อคุณออกจาก Opera" ปิดอยู่

  7. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การอัปเดต Windows

  1. กด Windows Key (ปุ่ม Windows) บนแป้นพิมพ์

  2. เลือก Settings (การตั้งค่า)

  3. เลือก Update & security (การอัปเดตและการรักษาความปลอดภัย)

  4. Windows จะตรวจสอบการอัปเดต หากไม่ตรวจสอบ ให้เลือก "ตรวจสอบการอัปเดต"

  5. เมื่อติดตั้งการอัปเดตเสร็จแล้ว ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Mac

การตรวจสอบการตั้งค่าคุกกี้ของเบราว์เซอร์

คอมพิวเตอร์ Mac

ทำตามขั้นตอนสำหรับเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ด้านล่าง

Chrome

  1. เลือกเมนู Chrome จากแถบเครื่องมือของเบราว์เซอร์

  2. เลือก "การตั้งค่า"

  3. เลือก "ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย" จากเมนูทางด้านซ้ายมือ

  4. เลือก "คุกกี้และข้อมูลไซต์"

  5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่า "ล้างคุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์เมื่อปิด Chrome" ปิดอยู่

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Firefox

  1. เลือก "เมนู" จากมุมขวาบนของเบราว์เซอร์

  2. เลือก "การกำหนดค่า"

  3. เลือก "ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย" จากเมนูทางด้านซ้ายมือ

  4. ในส่วน "ประวัติ" ให้ค้นหาเมนูแบบหล่นลง "Firefox จะ" แล้วเลือก "จดจำประวัติ"

  5. เลือก "เริ่มการทำงาน Firefox ใหม่"

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Opera

  1. เลือก Opera ที่มุมซ้ายบนของเบราว์เซอร์

  2. เลือก "การตั้งค่า"

  3. เลือก "ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย" จากเมนูทางด้านซ้ายมือ

  4. เลือก "การตั้งค่าไซต์"

  5. เลือก "คุกกี้และข้อมูลไซต์"

  6. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่า "ล้างคุกกี้และข้อมูลไซต์เมื่อคุณออกจาก Opera" ปิดอยู่

  7. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การอัปเดตคอมพิวเตอร์ Mac

ทำตามขั้นตอนของ Apple เพื่อติดตั้งการอัปเดตและการอัปเกรดสำหรับ macOS แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง 

Chromebook

การตรวจสอบการตั้งค่าคุกกี้ของเบราว์เซอร์

  1. ที่มุมขวาบนของ Chrome ให้คลิก "เมนู"ไอคอนเมนู Chrome จากนั้นคลิก "การตั้งค่า"

  2. คลิก "ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย"

  3. คลิก "คุกกี้ของบริษัทภายนอก"

  4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่า "อนุญาตคุกกี้บริษัทภายนอก" เปิดอยู่

  5. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การอัปเดตคอมพิวเตอร์

  1. เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้ Wi-Fi หรืออีเธอร์เน็ต ไม่สามารถติดตั้งการอัปเดตขณะที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายมือถือได้

  2. คลิกที่ส่วนของสถานะ (ที่มุมขวาล่างซึ่งแสดงรูปบัญชีของคุณ)

  3. เลือก "การตั้งค่า"

  4. เลือก "เกี่ยวกับ Chrome OS" จากเมนูทางด้านซ้ายของหน้า

  5. เลือก "ตรวจสอบการอัปเดตและทำการอัปเดต"

  6. คอมพิวเตอร์จะติดตั้งการอัปเดตที่จำเป็นต้องใช้ เมื่อติดตั้งการอัปเดตแล้ว เลือก "รีสตาร์ทเพื่ออัปเดต"

  7. เมื่อรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์แล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

คอนโซลเครื่องเล่นวิดีโอเกม

PlayStation 3

การตรวจสอบการตั้งค่าวันที่และเวลา

หากวันที่และเวลาในอุปกรณ์แตกต่างจากวันที่และเวลาในปัจจุบันอย่างมาก จะทำให้เกิดปัญหาในการเล่นรายการทีวีหรือภาพยนตร์

สำหรับ PlayStation ของญี่ปุ่น ให้ใช้ตัวเลือก X แทน O เพื่อยกเลิกการเลือกเมื่อใดก็ตามที่กล่าวถึง O ในขั้นตอนการแก้ปัญหาด้านล่างนี้
  1. จากเมนูหลัก ให้ไปที่ "การตั้งค่า"

    • หากไม่ได้อยู่ที่เมนูหลัก ให้กดปุ่ม "PS" ควบคุมค้างไว้ แล้วเลือก "ออก" จากนั้นเลือก "ใช่" เพื่อกลับสู่หน้าจอหลัก

  2. เลือก "การตั้งค่าวันที่และเวลา"

  3. เลือก "วันที่และเวลา"

  4. เลือก "ตั้งค่าผ่านอินเทอร์เน็ต"

  5. กดปุ่ม O เพื่อกลับไปยังหน้าจอ "วันที่และเวลา"

  6. เลือก "ตั้งค่าโดยอัตโนมัติ"

  7. เลือก "เปิด"

  8. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การอัปเดตเฟิร์มแวร์ PlayStation

  1. จากหน้าแรกของ PlayStation เลือก Settings (การตั้งค่า)

  2. เลือก System Update (อัปเดตระบบ) จากนั้นกดยืนยันการเลือก

  3. เลือก Update via Internet (อัปเดตผ่านอินเตอร์เน็ต) จากนั้นกดยืนยันการเลือก

  4. หากพบเวอร์ชันใหม่ของเฟิร์มแวร์ ให้ยืนยันการเลือกแล้วดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ใหม่

  5. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

อุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหมด

อุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหมด

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง