วิดีโอเล่น แต่ไม่มีเสียง

หากเห็นภาพวิดีโอแต่ไม่ได้ยินเสียง ขณะกำลังดู Netflix โดยทั่วไปจะหมายความว่า การตั้งค่าเสียงในอุปกรณ์ที่ใช้งานมีปัญหา หรืออาจมีปัญหาที่การตั้งค่าระบบลำโพง

หมายเหตุ: หากไม่มีเสียงหรือวิดีโอ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้แทน

โปรดทำตามขั้นตอนสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อแก้ไขปัญหา

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากใช้ตัวรับสัญญาณเสียง ซาวด์บาร์ หรือลำโพงภายนอก:

  1. ให้ตรวจสอบว่าลำโพงของคุณเชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณอย่างถูกต้อง

  2. ตรวจสอบขั้วต่อ HDMI หรือ Optical ว่าเสียบเข้ากับช่องเสียบอย่างถูกต้อง

  3. ให้ลองสลับปลายสาย HDMI/Optical หรือใช้สายใหม่

หากกำลังใช้อุปกรณ์ช่วยฟังหรือหูฟังเพิ่มความชัดเจนของเสียงขณะรับชม Netflix คุณอาจต้องปรับการตั้งค่าเอาต์พุตเสียงของอุปกรณ์สำหรับสตรีมเป็นแบบสเตอริโอหรือ Linear PCM สำหรับความช่วยเหลือในการปรับการตั้งค่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับสตรีมของคุณ

หากไม่ได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ ให้แก้ไขปัญหาต่อที่ด้านล่าง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา แสดงว่าอาจมีปัญหากับการตั้งค่าระบบเสียงในอุปกรณ์หรือเครื่องเสียงของคุณ

วิธีตรวจสอบการตั้งค่าระบบเสียงของอุปกรณ์หรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเสียง

  • ทำตามคำแนะนำหรือคู่มือที่ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์หรือเครื่องเสียง

  • ติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์หรือเครื่องเสียงที่ใช้งานเพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม

หมายเหตุ:เนื่องจากขั้นตอนการตรวจสอบการตั้งค่าระบบเสียงหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเสียงจะแตกต่างกันไปในแต่ละอุปกรณ์ ฝ่ายบริการลูกค้าของ Netflix จึงไม่สามารถช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไปนี้สำหรับอุปกรณ์ของคุณได้

หากผู้ผลิตอุปกรณ์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือการเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงใช้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นเพื่อรับชม Netflix

ตรวจสอบระดับเสียง

ตรวจสอบว่าระดับเสียงของสื่อ เปิดอยู่ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต

  1. เปิดแอป Netflix แล้วเล่นภาพยนตร์หรือรายการทีวี

  2. ใช้การควบคุมระดับเสียงด้านข้างอุปกรณ์ เพื่อปรับระดับเสียงของเนื้อหา

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

ตรวจให้แน่ใจว่ามีการปรับเร่งระดับเสียงไว้ทั้งในโปรแกรมเล่นวิดีโอของ Netflix.com และคอมพิวเตอร์ของคุณ

  1. คลิก "เล่น" เพื่อเริ่มต้นรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์ทาง Netflix.com

  2. ขณะวิดีโอเล่นอยู่ ให้ค้นหาไอคอนเสียง ในแถบควบคุมโปรแกรมเล่นวิดีโอ เลื่อนเมาส์ไปที่ไอคอนดังกล่าวจนกระทั่งป็อปอัพตัวเลื่อนแสดงขึ้น แล้วเลื่อนปุ่มควบคุมขึ้นไปด้านบนเพื่อเพิ่มระดับเสียงจนสุด

  3. หากกำลังรับชมในเบราว์เซอร์ ให้ตรวจสอบว่าไม่ได้ปิดเสียงแท็บโดยมองหาไอคอนปิดเสียง บนแท็บ Netflix ขณะวิดีโอเล่นอยู่ หากแท็บถูกปิดเสียงอยู่ ให้คลิกขวาแล้วเลือก "เปิดเสียงแท็บ" หรือ "เปิดเสียงเว็บไซต์"

  4. ตรวจให้แน่ใจว่าได้เร่งระดับเสียงในคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน

    • อาจมีตัวควบคุมระดับเสียงอยู่บนคีย์บอร์ด

    • หากใช้แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต ถอดปลั๊กลำโพงภายนอกหรือหูฟังออกเพื่อดูว่าเสียงที่เล่นผ่านลำโพงภายในอุปกรณ์ชัดเจนดีกว่าหรือไม่

    • หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับระดับเสียงของคอมพิวเตอร์ ดูที่คู่มือผู้ใช้หรือพูดคุยกับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณ

ประสิทธิภาพในการสตรีม Netflix อาจดีขึ้นหากคุณปิดแท็บของเบราว์เซอร์ แอปพลิเคชัน และโปรแกรมอื่นๆ ที่อาจใช้หน่วยความจำและแหล่งประมวลผลของคอมพิวเตอร์ในปริมาณมาก

ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นขั้นตอนสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ระดับสูง

  • ติดตั้งการอัปเดตสำหรับซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยของคุณ

  • ปิดซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยชั่วคราวแล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

    • หากปัญหาได้รับการแก้ไขเมื่อปิดซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยแล้ว เป็นไปได้ว่าซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันเก่าหรือขัดขวางการทำงานของ Netflix โดยไม่ตั้งใจ เปิดใช้งานอีกครั้ง แล้วติดต่อผู้ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับความช่วยเหลือ

  1. เปิดใช้แอป Netflix

  2. เลือกรายการทีวีหรือภาพยนตร์

  3. ขณะที่รายการทีวีหรือภาพยนตร์กำลังเล่น ให้เลื่อนเมาส์บนหน้าจอ

  4. คลิกไอคอน "ไดอะล็อก"

  5. หากเลือกระบบเสียงรอบทิศทาง (5.1) ไว้ ลองเปลี่ยนเป็นตัวเลือกที่ไม่ใช่ 5.1

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากการเปลี่ยนเป็นตัวเลือกที่ไม่ใช่ระบบ 5.1 สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบเสียงได้ โปรดใช้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเสียงที่เกิดกับระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 เพื่อเล่นต่อในระบบเสียง 5.1

  1. จากมุมขวาล่างของแถบการใช้งาน ให้คลิกขวาที่ลำโพง

  2. คลิก Sounds (เสียง) > Playback (การเล่น)

  3. คลิก Speaker (ลำโพง) หรือ Default Device (อุปกรณ์เริ่มต้น)

  4. คลิก Properties (คุณสมบัติ) แล้วคลิกแท็บ Advanced (ขั้นสูง)

  5. สำหรับอัตราการสุ่มตัวอย่างและความลึกของบิต ให้เลือก 24 บิต 192000 Hz (คุณภาพสตูดิโอ)

  6. คลิก OK (ตกลง) เพื่อบันทึกการตั้งค่า

  7. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

หากอุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยตรงกับทีวี ให้ตรวจสอบตัวเลือกระบบเสียงของแอป Netflix หากมีการเลือกระบบเสียงรอบทิศทาง (5.1) ไว้ ให้ลองเปลี่ยนเป็นสเตอริโอแทน หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงของแอป Netflix ดูข้อมูลที่บทความระบบเสียงทางเลือกของเรา

หากการเปลี่ยนเป็นสเตอริโอช่วยแก้ปัญหาระบบเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ของคุณอาจไม่รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง หากคิดว่าอุปกรณ์ของคุณน่าจะรองรับการใช้งานระบบเสียง 5.1 โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

โปรดทราบ:หากต้องเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงเป็นสเตอริโอทุกครั้งที่เล่นภาพยนตร์หรือรายการทีวี อาจเป็นเพราะการตั้งค่าในอุปกรณ์ของคุณมีการตั้งค่าระบบเสียง 5.1 ไว้เป็นค่าเริ่มต้น โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอความช่วยเหลือในการปรับการตั้งค่าเริ่มต้นให้เป็นระบบเสียงสเตอริโอ

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

หากใช้ซาวด์บาร์ ตัวรับสัญญาณเสียง ระบบเสียงรอบทิศทาง หรืออุปกรณ์เครื่องเสียงภายนอกอื่นๆ ให้ยกเลิกการเชื่อมต่อแล้วใช้การตั้งค่าเริ่มต้นใน Roku TV หรือ Stick

  • หากการยกเลิกการเชื่อมต่อลำโพงภายนอกสามารถแก้ปัญหาได้ อาจหมายความว่า คุณต้องตรวจสอบการตั้งค่าอุปกรณ์แล้วลองอีกครั้ง โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของผู้ผลิตลำโพง เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

  • หากการยกเลิกการเชื่อมต่อลำโพงภายนอกแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โปรดติดต่อเรา

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

ลองเปลี่ยนระดับเสียงบน Xiaomi TV หรือ Stick ด้วยรีโมท Xiaomi โดยกดที่ปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่มเปิด/ปิดพร้อมกัน

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

หากใช้ซาวด์บาร์ ตัวรับสัญญาณเสียง ระบบเสียงรอบทิศทาง หรืออุปกรณ์เครื่องเสียงภายนอกอื่นๆ ให้ยกเลิกการเชื่อมต่อแล้วใช้การตั้งค่าเริ่มต้นใน Xiaomi TV หรือ Stick

  • หากการยกเลิกการเชื่อมต่อลำโพงภายนอกสามารถแก้ปัญหาได้ อาจหมายความว่า คุณต้องตรวจสอบการตั้งค่าอุปกรณ์แล้วลองอีกครั้ง โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของผู้ผลิตลำโพง เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

  • หากการยกเลิกการเชื่อมต่อลำโพงภายนอกแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โปรดติดต่อเรา

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

อาจมีปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้กับทีวี

วิธีแก้ไขปัญหา

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้สาย HDMI

  2. ให้ลองสลับปลายสาย HDMI

  3. เลี่ยงไม่เชื่อมผ่านตัวรับสัญญาณหรือระบบเสียง โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับทีวีโดยตรงโดยใช้สาย HDMI

  4. ลองเชื่อมต่อกับพอร์ต HDMI ของทีวีพอร์ตอื่น

  5. ลองใช้สายเคเบิล HDMI ใหม่

  6. ถ้ามี ให้ลองพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องอื่น

    • หากสามารถสตรีมได้ในทีวีเครื่องอื่น แสดงว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องเดิม โปรดติดต่อผู้ผลิตทีวีเพื่อขอความช่วยเหลือ

หากใช้ตัวรับสัญญาณเสียง ซาวด์บาร์ หรือลำโพงภายนอก:

  1. ให้ตรวจสอบว่าลำโพงของคุณเชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณอย่างถูกต้อง

  2. ตรวจสอบขั้วต่อ HDMI หรือ Optical ว่าเสียบเข้ากับช่องเสียบอย่างถูกต้อง

  3. ให้ลองสลับปลายสาย HDMI/Optical หรือใช้สายใหม่

  1. ไปที่เมนูการตั้งค่า Apple TV แล้วเลือก "วิดีโอและเสียง"

  2. เลื่อนลงมาที่ "เสียง" แล้วเลือก "รูปแบบเสียง"

  3. เลือก "เปลี่ยนรูปแบบ"

  4. เลือก "รูปแบบใหม่" จากนั้นเลือก Dolby Digital 5.1

  5. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากขั้นตอนดังกล่าวไม่แก้ไขปัญหา ให้ไปที่เมนู "เปลี่ยนรูปแบบ" อีกครั้ง แล้วเลือก "สเตอริโอ" จากนั้นลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากกำลังใช้อุปกรณ์ช่วยฟังหรือหูฟังเพิ่มความชัดเจนของเสียงขณะรับชม Netflix คุณอาจต้องปรับการตั้งค่าเอาต์พุตเสียงของอุปกรณ์สำหรับสตรีมเป็นแบบสเตอริโอหรือ Linear PCM สำหรับความช่วยเหลือในการปรับการตั้งค่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับสตรีมของคุณ

หากไม่ได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ ให้แก้ไขปัญหาต่อที่ด้านล่าง

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

หากใช้ตัวรับสัญญาณเสียง ซาวด์บาร์ หรือลำโพงภายนอก:

  1. ให้ตรวจสอบว่าลำโพงของคุณเชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณอย่างถูกต้อง

  2. ตรวจสอบขั้วต่อ HDMI หรือ Optical ว่าเสียบเข้ากับช่องเสียบอย่างถูกต้อง

  3. ให้ลองสลับปลายสาย HDMI/Optical หรือใช้สายใหม่

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

หากอุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยตรงกับทีวี ให้ตรวจสอบตัวเลือกระบบเสียงของแอป Netflix หากมีการเลือกระบบเสียงรอบทิศทาง (5.1) ไว้ ให้ลองเปลี่ยนเป็นสเตอริโอแทน หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงของแอป Netflix ดูข้อมูลที่บทความระบบเสียงทางเลือกของเรา

หากการเปลี่ยนเป็นสเตอริโอช่วยแก้ปัญหาระบบเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ของคุณอาจไม่รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง หากคิดว่าอุปกรณ์ของคุณน่าจะรองรับการใช้งานระบบเสียง 5.1 โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

โปรดทราบ:หากต้องเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงเป็นสเตอริโอทุกครั้งที่เล่นภาพยนตร์หรือรายการทีวี อาจเป็นเพราะการตั้งค่าในอุปกรณ์ของคุณมีการตั้งค่าระบบเสียง 5.1 ไว้เป็นค่าเริ่มต้น โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอความช่วยเหลือในการปรับการตั้งค่าเริ่มต้นให้เป็นระบบเสียงสเตอริโอ

คุณจะสามารถเลือกระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 หรือ 7.1 ได้ โดยขึ้นอยู่กับชุดอุปกรณ์ที่ใช้ (ตัวเลือกนี้ใช้ได้กับการเชื่อมต่อ HDMI เท่านั้น)

  1. จากหน้าจอหลักของ Xbox กดปุ่ม Xbox บนอุปกรณ์ควบคุม เพื่อเปิดการนำทาง

  2. เลือก Settings (การตั้งค่า)

  3. เลือก Display & Sound (หน้าจอและเสียง)

  4. เลือก Audio output (เอาต์พุตเสียง)

  5. เลือก เสียง HDMI

  6. เปลี่ยนตัวเลือกในเมนูดรอปดาวน์เป็น 5.1 Uncompressed (5.1 ที่ไม่ได้บีบอัด) หรือ 7.1 Uncompressed (ที่ไม่ได้บีบอัด)

  7. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

    • หากยังไม่มีเสียง ให้ทำตามขั้นตอนดังกล่าวอีกครั้ง แต่เลือกตัวเลือกอื่นในขั้นตอนที่ 6 ก่อนที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไปด้านล่าง

  1. จากหน้าจอหลักของ Xbox กดปุ่ม Xbox บนอุปกรณ์ควบคุม เพื่อเปิดการนำทาง

  2. เลือก Settings (การตั้งค่า)

  3. เลือก Display & Sound (หน้าจอและเสียง)

  4. เลือก Audio output (เอาต์พุตเสียง)

  5. เลือก HDMI audio (ระบบเสียง HDMI) หรือ Optical audio (ระบบเสียงออปติคอล) โดยขึ้นอยู่กับประเภทของสายเคเบิลที่ใช้เชื่อมต่อคอนโซลกับตัวรับสัญญาณเสียงหรือทีวี

  6. เปลี่ยนตัวเลือกในเมนูดรอปดาวน์เป็น Stereo Uncompressed (เสียงสเตอริโอที่ไม่ได้บีบอัด)

  7. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

หากอุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยตรงกับทีวี ให้ตรวจสอบตัวเลือกระบบเสียงของแอป Netflix หากมีการเลือกระบบเสียงรอบทิศทาง (5.1) ไว้ ให้ลองเปลี่ยนเป็นสเตอริโอแทน หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงของแอป Netflix ดูข้อมูลที่บทความระบบเสียงทางเลือกของเรา

หากการเปลี่ยนเป็นสเตอริโอช่วยแก้ปัญหาระบบเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ของคุณอาจไม่รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง หากคิดว่าอุปกรณ์ของคุณน่าจะรองรับการใช้งานระบบเสียง 5.1 โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

โปรดทราบ:หากต้องเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงเป็นสเตอริโอทุกครั้งที่เล่นภาพยนตร์หรือรายการทีวี อาจเป็นเพราะการตั้งค่าในอุปกรณ์ของคุณมีการตั้งค่าระบบเสียง 5.1 ไว้เป็นค่าเริ่มต้น โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอความช่วยเหลือในการปรับการตั้งค่าเริ่มต้นให้เป็นระบบเสียงสเตอริโอ

  1. จากหน้าหลักของ Playstation ให้ไปที่ Settings (การตั้งค่า)

  2. ไปที่ Sound Settings (การตั้งค่าเสียง)

  3. เลือก Audio Output Settings (การตั้งค่าเอาต์พุตเสียง)

  4. เลือก HDMI จากนั้นเลือก Automatic (อัตโนมัติ)

  5. กด X เพื่อบันทึก "การตั้งค่า"

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากวิธีนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือหากคุณไม่ได้ใช้สาย HDMI เชื่อมต่อกับ TV หรือระบบโฮมเธียร์เตอร์อยู่ คุณอาจต้องตั้งค่าระบบเสียงด้วยด้วยตัวเองในอุปกรณ์ PlayStation 3

  1. จากหน้าหลักของ Playstation ให้ไปที่ Settings (การตั้งค่า)

  2. ไปที่ Sound Settings (การตั้งค่าเสียง)

  3. เลือก Audio Output Settings (การตั้งค่าเอาต์พุตเสียง)

  4. ไฮไลท์ชนิดของสายเคเบิลที่คุณใช้เชื่อมต่อ PlayStation 3 กับทีวีหรือระบบโฮมเธียเตอร์ และกด X

    • หากคุณเลือก Audio Input Connector / SCART / AV MULTI ให้กด X เพื่อบันทึกการตั้งค่าแล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

    • หากคุณเลือก HDMI ให้เลือก Manual (กำหนดเอง) และดำเนินการต่อที่ขั้นตอนถัดไป

  5. ตรวจให้แน่ใจว่า Dolby Digital 5.1 Ch. ได้ถูกเลือกไว้

  6. ตรวจให้แน่ใจว่าไม่ได้เลือก Dolby Digital Plus

  7. ให้กดที่ปุ่มลูกศร Right (ทางขวา)

  8. กด "ตกลง" ในหน้าจอ

  9. เลือก X เพื่อบันทึกการตั้งค่า

  10. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. จากหน้าหลักของ Playstation ให้ไปที่ Settings (การตั้งค่า)

  2. ไปที่ Sound Settings (การตั้งค่าเสียง)

  3. เลือก Audio Output Settings (การตั้งค่าเอาต์พุตเสียง)

  4. ไฮไลท์ชนิดของสายเคเบิลที่คุณใช้เชื่อมต่อ PlayStation 3 กับทีวีหรือระบบโฮมเธียเตอร์ และกด X

    • หากคุณเลือก Audio Input Connector / SCART / AV MULTI ให้กด X เพื่อบันทึกการตั้งค่า จากนั้นลองใช้ Netflix อีกครั้ง

    • หากคุณเลือก HDMI ให้เลือก Manual (กำหนดเอง) และดำเนินการต่อที่ขั้นตอนถัดไป

  5. ต้องแน่ใจว่าเป็น Linear PCM 2 เท่านั้น CH 44.1 kHz และ Linear PCM 2 เลือก Ch 48 kHz

  6. ตรวจให้แน่ใจว่าไม่ได้เลือก Dolby Digital และ Dolby Digital Plus

  7. ให้กดที่ปุ่มลูกศร Right (ทางขวา)

  8. กด "ตกลง" ในหน้าจอ

  9. เลือก X เพื่อบันทึกการตั้งค่า

  10. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. เลือก Settings (การตั้งค่า) จากหน้าจอหลัก Nvidia

  2. เลือก Display & Sound (หน้าจอและเสียง)

  3. เลือก Advanced settings (การตั้งค่าขั้นสูง)

  4. เลือก Surround Sound (เสียงรอบทิศทาง)

  5. เลือก Auto (อัตโนมัติ)

  6. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากกำลังใช้อุปกรณ์ช่วยฟังหรือหูฟังเพิ่มความชัดเจนของเสียงขณะรับชม Netflix คุณอาจต้องปรับการตั้งค่าเอาต์พุตเสียงของอุปกรณ์สำหรับสตรีมเป็นแบบสเตอริโอหรือ Linear PCM สำหรับความช่วยเหลือในการปรับการตั้งค่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับสตรีมของคุณ

หากไม่ได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ ให้แก้ไขปัญหาต่อที่ด้านล่าง

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

หากอุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยตรงกับทีวี ให้ตรวจสอบตัวเลือกระบบเสียงของแอป Netflix หากมีการเลือกระบบเสียงรอบทิศทาง (5.1) ไว้ ให้ลองเปลี่ยนเป็นสเตอริโอแทน หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงของแอป Netflix ดูข้อมูลที่บทความระบบเสียงทางเลือกของเรา

หากการเปลี่ยนเป็นสเตอริโอช่วยแก้ปัญหาระบบเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ของคุณอาจไม่รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง หากคิดว่าอุปกรณ์ของคุณน่าจะรองรับการใช้งานระบบเสียง 5.1 โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

โปรดทราบ:หากต้องเปลี่ยนการตั้งค่าระบบเสียงเป็นสเตอริโอทุกครั้งที่เล่นภาพยนตร์หรือรายการทีวี อาจเป็นเพราะการตั้งค่าในอุปกรณ์ของคุณมีการตั้งค่าระบบเสียง 5.1 ไว้เป็นค่าเริ่มต้น โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อขอความช่วยเหลือในการปรับการตั้งค่าเริ่มต้นให้เป็นระบบเสียงสเตอริโอ

  1. จากหน้าหลักของ TiVo ให้ไปที่ TiVo Central

  2. เลือก Settings & Messages (การตั้งค่าและข้อความ)

  3. เลือก Settings (การตั้งค่า)

    • หากไม่พบหัวข้อ Settings (การตั้งค่า) ให้ดำเนินการต่อที่ขั้นตอนต่อไป

  4. เลือก Audio & Video Settings (การตั้งค่าเสียงและวิดีโอ)

  5. เลือก Dolby Digital

  6. เลือก Dolby Digital เป็น PCM

  7. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

Illustration of a TV with a power button symbol, a power strip, and a 15-second timer, suggesting a restart device process

  1. ปิดอุปกรณ์ของคุณ ถอดปลั๊ก หากอุปกรณ์ที่ใช้มีสายไฟ

  2. ตรวจสอบว่าได้ปิดอุปกรณ์โดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ได้อยู่ในโหมดสลีปหรือสแตนด์บาย

  3. ปิดอุปกรณ์ไว้ 15 วินาที

  4. เปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

เรากำลังตรวจสอบปัญหานี้ เพื่อช่วยเราค้นหาสาเหตุ โปรดติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง