วิดีโอผิดเพี้ยน ขัดข้อง ภาพกระโดด หรือติดขัด

หากวิดีโอใน Netflix ผิดเพี้ยน ขัดข้อง หรือภาพกระโดด หรือติดขัดขณะเล่นเนื้อหา มักจะเกิดจากปัญหาอุปกรณ์หรือสายเคเบิลวิดีโอที่เชื่อมต่ออุปกรณ์สตรีมมิงกับทีวี

หมายเหตุ:หากวิดีโอมีคุณภาพต่ำ ภาพเบลอ หรือภาพแตกขณะเล่นเนื้อหา ให้ทำตามขั้นตอนเพื่อรับชมวิดีโอคุณภาพสูงสุดในอุปกรณ์ที่ใช้งาน

โปรดทำตามขั้นตอนสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อแก้ไขปัญหา

ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ หากรับชม Netflix ทางทีวีหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับทีวี เช่น แท่งสตรีมมิง เครื่องเล่นมีเดีย กล่องเคเบิล หรือกล่องรับสัญญาณ Apple TV คอนโซล Xbox หรือคอนโซล PlayStation

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก

  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที

  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป

  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู

  2. จากด้านล่าง ให้เลือกขอความช่วยเหลือ > ออกจากระบบ > ใช่

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้

  1. เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"

  2. เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"

  3. ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้

  1. กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น

  2. เลือก ออกจากระบบรีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ

อาจมีปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้กับทีวี

วิธีแก้ไขปัญหา

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้สาย HDMI

  2. ให้ลองสลับปลายสาย HDMI

  3. เลี่ยงไม่เชื่อมผ่านตัวรับสัญญาณหรือระบบเสียง โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับทีวีโดยตรงโดยใช้สาย HDMI

  4. ลองเชื่อมต่อกับพอร์ต HDMI ของทีวีพอร์ตอื่น

  5. ลองใช้สายเคเบิล HDMI ใหม่

  6. ถ้ามี ให้ลองพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องอื่น

    • หากสามารถสตรีมได้ในทีวีเครื่องอื่น แสดงว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องเดิม โปรดติดต่อผู้ผลิตทีวีเพื่อขอความช่วยเหลือ

การทำขั้นตอนเหล่านี้อาจลบแอป ข้อมูล หรือการตั้งค่าที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ ก่อนดำเนินการต่อ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า ทราบชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi รวมทั้งข้อมูลเข้าสู่ระบบ Netflix แล้ว

สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งาน

เมื่อพูดคุยกับทางผู้ผลิต ให้ขอความช่วยเหลือสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ หลังจากทำแต่ละขั้นตอนแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าแก้ไขปัญหาได้หรือยัง

  1. อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

  2. คืนค่าอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เหมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก

หากผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ หรือขั้นตอนเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นในการรับชม Netflix

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

Tablet with power icon indicating turn off process

  1. ปิดโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นการปิดเครื่อง ไม่ใช่แค่ล็อกหน้าจอ

  2. เปิดเครื่องอีกครั้ง

  3. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android ให้เปิดหน้า Netflix ใน Play Store จากนั้นแตะ "อัปเดต"

และยังสามารถอัปเดตแอป Netflix ได้โดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เปิดแอป Play Store หากไม่มี คุณอาจต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับ Play Store

  2. พิมพ์คำว่า "Netflix" ในแถบค้นหา

  3. แตะที่แอป Netflix จากรายการที่แสดง หากไม่พบแอป Netflix ให้ทำตามขั้นตอนในบทความนี้แทน

  4. แตะ "อัปเดต" หากไม่เห็นตัวเลือกนี้ แสดงว่าแอปเป็นเวอร์ชันปัจจุบันแล้ว

  1. เปิดแอป "การตั้งค่า"

  2. แตะ "ระบบ" > "การอัปเดตระบบ"

  3. ตรวจสอบการอัปเดตที่มีให้บริการ แล้วติดตั้ง

  4. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การทำขั้นตอนเหล่านี้อาจลบแอป ข้อมูล หรือการตั้งค่าที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ ก่อนดำเนินการต่อ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า ทราบชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi รวมทั้งข้อมูลเข้าสู่ระบบ Netflix แล้ว

สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งาน

เมื่อพูดคุยกับทางผู้ผลิต ให้ขอความช่วยเหลือสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ หลังจากทำแต่ละขั้นตอนแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าแก้ไขปัญหาได้หรือยัง

  1. อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

  2. คืนค่าอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เหมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก

หากผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ หรือขั้นตอนเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นในการรับชม Netflix

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

  1. กดปุ่มด้านข้างและปุ่มปรับระดับเสียงปุ่มหนึ่งค้างไว้พร้อมกันจนกว่าแถบเลื่อนจะปรากฏขึ้น ลากแถบเลื่อนด้านบนเพื่อปิดอุปกรณ์อย่างสมบูรณ์

    • หากแถบเลื่อนไม่ปรากฏ ให้กดปุ่ม Sleep/Wake ค้างไว้จนแถบเลื่อนสีแดงปรากฏขึ้น แล้วจึงลากแถบเลื่อนดังกล่าว

  2. หลังจาก 10 วินาที กดปุ่ม Sleep/Wake

  3. เมื่ออุปกรณ์เปิดทำงานเรียบร้อยแล้ว ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

  1. ไปที่หน้าจอหลัก แล้วแตะ App Store

  2. แตะ Search (ค้นหา) แล้วป้อนคำว่า "Netflix"

  3. ค้นหาในรายการแล้วแตะ Netflix จากนั้นแตะ Update (อัปเดต) อาจต้องป้อนรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ หากลืมรหัสผ่าน ให้ทำตามขั้นตอนการรีเซ็ตรหัสผ่านของ Apple

  4. เมื่ออัปเดตเสร็จแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

ทำตามขั้นตอนของ Apple เพื่ออัปเดตอุปกรณ์ของคุณเป็นเวอร์ชันล่าสุด จากนั้นลองใช้ Netflix อีกครั้ง

ตรวจให้แน่ใจว่าระบบรองรับอะแดปเตอร์วิดีโอที่ใช้งาน

  1. ถอดสายเคเบิลทั้งหมดที่เชื่อมต่ออะแดปเตอร์ออก จากนั้นเชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPad

  2. ไปที่ Settings (การตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > About (เกี่ยวกับ) > Apple HDMI Adapter (อะแดปเตอร์ Apple HDMI)

  3. ตรวจสอบเลขที่รุ่น

สำหรับปัญหาที่พบในอุปกรณ์ iPhone และ iPad ที่ใช้พอร์ต USB-C ตัวเลือกต่อไปนี้อาจช่วยได้

  • ตรวจให้แน่ใจว่าเลือกช่องสัญญาณวิดีโออินพุตที่ถูกต้องในทีวีหรือหน้าจอแล้ว

  • ตรวจให้แน่ใจว่าอะแดปเตอร์หรือสายวิดีโอรองรับ HDCP 2.2

  • ลองสลับปลายอะแดปเตอร์หรือสายวิดีโอ

  • หากทำได้ ให้ลองเชื่อมต่อกับพอร์ตวิดีโออื่นในทีวีหรือหน้าจอ

การทำขั้นตอนเหล่านี้อาจลบแอป ข้อมูล หรือการตั้งค่าที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ ก่อนดำเนินการต่อ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า ทราบชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi รวมทั้งข้อมูลเข้าสู่ระบบ Netflix แล้ว

สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งาน

เมื่อพูดคุยกับทางผู้ผลิต ให้ขอความช่วยเหลือสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ หลังจากทำแต่ละขั้นตอนแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าแก้ไขปัญหาได้หรือยัง

  1. อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

  2. คืนค่าอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เหมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก

หากผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ หรือขั้นตอนเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นในการรับชม Netflix

หากพบปัญหาเดียวกันนี้กับรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย ให้ข้ามขั้นตอนเหล่านี้

หากรายการทีวีหรือภาพยนตร์อื่นๆ เล่นได้ตามปกติ โปรดแจ้งปัญหาให้เราทราบ

  1. ใช้เว็บเบราว์เซอร์ โดยไปที่ กิจกรรมการรับชม ในบัญชีของคุณ

  2. ในรายการ ให้ค้นหารายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่มีปัญหา แล้วคลิก "รายงานปัญหา"

  3. ทำตามคำแนะนำ จากนั้นคลิก "รายงานปัญหา"

ทีมเนื้อหาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนี้ คุณยังคงสามารถรับชมรายการทีวีและภาพยนตร์อื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหา

ประสิทธิภาพในการสตรีม Netflix อาจดีขึ้นหากคุณปิดแท็บของเบราว์เซอร์ แอปพลิเคชัน และโปรแกรมอื่นๆ ที่อาจใช้หน่วยความจำและแหล่งประมวลผลของคอมพิวเตอร์ในปริมาณมาก

  1. ปิดคอมพิวเตอร์โดยใช้เมนู:

    • Mac: คลิกเมนู Apple ด้านซ้ายบน จากนั้นคลิก Shut Down (ปิดเครื่อง)

    • Windows: คลิกเมนู Start (เริ่ม) จากนั้นคลิก Power (เปิด/ปิดเครื่อง) > Shut down (ปิดเครื่อง)

    • Chromebook: คลิกเวลาด้านขวาล่าง แล้วคลิก Sign out (ออกจากระบบ) > Shut down (ปิดเครื่อง)

  2. ปิดคอมพิวเตอร์ไว้อย่างน้อย 10 วินาที

  3. เปิดเครื่องอีกครั้ง แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

โปรดตรวจสอบว่าใช้ประเภทสายเคเบิลวิดีโอที่รองรับต่อไปนี้

หมายเหตุ:หากใช้งานอะแดปเตอร์สำหรับเคเบิลวิดีโอ โปรดตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อทั้งสองขั้วเป็นประเภทที่ระบบรองรับ

  • HDMI หรือ HDMI Mini

  • USB-C (หรือ Type C)

  • Thunderbolt

  • DisplayPort หรือ DisplayPort Mini

หากยังมีปัญหาทั้งๆ ที่ระบบรองรับการเชื่อมต่อวิดีโอ หรือไม่ได้มีการใช้งานจอแยก กรุณาทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้

หากลองทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว แต่ยังมีปัญหา ให้ทำตามขั้นตอนสำหรับคอมพิวเตอร์ด้านล่าง

  1. คลิกขวาที่หน้าเดสก์ท็อป

  2. เลือก "การตั้งค่าการแสดงผล"

  3. เลือก "การตั้งค่าการแสดงผลขั้นสูง"

  4. เลือก "คุณสมบัติการ์ดแสดงผล"

  5. เลือกแท็บ จอภาพ

  6. เลือก "อัตราการรีเฟรช"

  7. เลือกอัตราการรีเฟรชของจอภาพที่ 120 Hz หรือต่ำกว่า

  8. เลือก "นำไปใช้"

  9. ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

ใช้ลิงก์ด้านล่างเพื่อดูขั้นตอนในการอัปเดตเวอร์ชัน Windows ที่ใช้อยู่ จากนั้นลองใช้ Netflix อีกครั้ง

คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows XP, Vista, 7 หรือ 8.1 ไม่ได้รับการรองรับโดย Microsoft อีกต่อไป และไม่สามารถอัปเดตเวอร์ชันที่ใช้งานกับ Netflix ได้ สำรวจตัวเลือกหรือดูข้อมูลเพิ่มเติม โดยไปที่เว็บไซต์สนับสนุนของ Microsoft

  1. เลี่ยงไม่เชื่อมผ่านตัวแปลงสัญญาณ HDMI โดยเชื่อมต่อหน้าจอเข้ากับคอมพิวเตอร์โดยตรง

  2. หากใช้สายเคเบิล HDMI ให้ลองสลับปลายสาย หรือลองใช้สายเคเบิล HDMI สายใหม่

  3. หากคุณใช้หลายหน้าจอ ให้ถอดปลั๊กหน้าจอทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ แล้วเสียบปลั๊กหน้าจอกลับเข้าไปทีละหน้าจอแล้วลองใช้ Netflix หลังจากลองทำในแต่ละครั้ง

    • หากพบข้อผิดพลาดในหน้าจอเดียวเท่านั้น คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการป้องกันการคัดลอก เราขอแนะนำให้ติดต่อบริษัทผลิตหน้าจอเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือไม่เชื่อมต่ออุปกรณ์ขณะสตรีม

การอัปเดตคอมพิวเตอร์ Mac

ทำตามขั้นตอนของ Apple เพื่อติดตั้งการอัปเดตและการอัปเกรดสำหรับ macOS แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การอัปเดตคอมพิวเตอร์
  1. เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้ Wi-Fi หรืออีเธอร์เน็ต ไม่สามารถติดตั้งการอัปเดตขณะที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายมือถือได้

  2. คลิกที่ส่วนของสถานะ (ที่มุมขวาล่างซึ่งแสดงรูปบัญชีของคุณ)

  3. เลือก "การตั้งค่า"

  4. เลือก "เกี่ยวกับ Chrome OS" จากเมนูทางด้านซ้ายของหน้า

  5. เลือก "ตรวจสอบการอัปเดตและทำการอัปเดต"

  6. คอมพิวเตอร์จะติดตั้งการอัปเดตที่จำเป็นต้องใช้ เมื่อติดตั้งการอัปเดตแล้ว เลือก "รีสตาร์ทเพื่ออัปเดต"

  7. เมื่อรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์แล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง

หากพบปัญหาวิดีโออื่นๆ ให้ไปที่ มีปัญหากับวิดีโอใน Netflix เพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม

บทความที่เกี่ยวข้อง